Home » ประเมินความเสี่ยงโรคจากการทำงานง่ายๆ ด้วยตัวเอง

ประเมินความเสี่ยงโรคจากการทำงานง่ายๆ ด้วยตัวเอง

by admin
36 views

โรคจากการทำงาน หมายถึง โรคหรืออาการเจ็บป่วยที่มีสาเหตุโดยตรงหรือมีความเกี่ยวข้องกับลักษณะงาน หรือสภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่น โรคกล้ามเนื้อและกระดูกจากท่าทางการทำงานซ้ำๆ โรคระบบทางเดินหายใจจากการสัมผัสฝุ่นและสารเคมี หรือโรคทางจิตเวชจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงาน

องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO, 2022) ประเมินว่ามีแรงงานทั่วโลกกว่า 160 ล้านคน ที่ประสบปัญหาโรคจากการทำงานในแต่ละปี โดยในประเทศไทย สถิติจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (2566) พบว่ามีรายงานโรคจากการทำงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ

ทำไมต้องประเมินสุขภาพตัวเองในการทำงาน ?

การประเมินตนเองเพื่อค้นหาความเสี่ยงต่อโรคจากการทำงาน เป็นกลไกสำคัญในการคัดกรองเบื้องต้น โดยเฉพาะในสถานประกอบกิจการที่ยังไม่มีระบบบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัยอย่างเป็นระบบ การประเมินความเสี่ยงช่วยให้บุคลากรสามารถรับรู้ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และตัดสินใจเข้ารับคำปรึกษาหรือปรับพฤติกรรมก่อนเกิดอาการเจ็บป่วยหรือการลาป่วยระยะยาว

กลุ่มโรคจากการทำงานที่พบได้บ่อย มีอะไรบ้าง

ประเภทของโรค สาเหตุหลักจากงาน กลุ่มเสี่ยง
โรคระบบกล้ามเนื้อและกระดูก (MSDs) การนั่งทำงานนาน ท่าทางซ้ำซาก พนักงานออฟฟิศ คนงานในสายการผลิต
โรคระบบทางเดินหายใจ ฝุ่น ควัน สารระเหย คนงานในโรงงาน อาชีพก่อสร้าง
โรคระบบประสาท/จิตเวช ความเครียด การทำงานไม่เป็นเวลา พนักงานบริการ แพทย์ พยาบาล
โรคผิวหนัง การสัมผัสสารเคมีโดยตรง พนักงานทำความสะอาด พนักงานแปรรูปอาหาร

ในการประเมินความเสี่ยงไม่ว่าจะอันตรายต่อสุขภาพ หรือร่างการของพนักงาน นายจ้างควรจัดอบรมความปลอดภัยให้กับพนักงาน ก่อนเริ่มทำงานเพื่อเป้นการปูความรู้พื้นฐาน การทำงานที่ปลอดภัย จุดเสี่ยงที่พนักงานควรระวัง และอื่นๆ เพื่อให้พนักงานสามารถดูแลความปลอดภัยให้กับตนเองได้ในระดับหนึ่ง โดยทั่วไปหลักสูตรนี้จะเรียกว่า “อบรมความปลอดภัย 6 ชม พนักงานใหม่

เช็กลิสต์ประเมินความเสี่ยงโรคจากการทำงาน

แบบประเมินตนเองเบื้องต้น: เช็กลิสต์ประเมินความเสี่ยงโรคจากการทำงาน

เพื่อให้สามารถประเมินได้ง่ายในเบื้องต้น ผู้เขียนขอเสนอเช็กลิสต์แบ่งตามประเภทของปัจจัยเสี่ยง โดยมีการให้คะแนนตามระดับความถี่ของการสัมผัสหรือประสบปัญหา (1 = ไม่เคย, 5 = เป็นประจำ)

1. ปัจจัยด้านกายภาพและสรีระศาสตร์ (Ergonomics)

  • ☐ ฉันนั่งทำงานโดยไม่ขยับตัวเกิน 2 ชั่วโมงติดต่อกัน

  • ☐ ฉันมีอาการปวดคอ ไหล่ หลัง หรือข้อมือเป็นประจำ

  • ☐ ที่ทำงานของฉันไม่มีอุปกรณ์ที่สามารถปรับระดับให้เหมาะสมกับร่างกายได้

2. ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม (Environment)

  • ☐ ฉันทำงานในพื้นที่ที่มีเสียงดังหรือแสงไม่เหมาะสม

  • ☐ ฉันสัมผัสกับอุณหภูมิสูง/ต่ำผิดปกติในที่ทำงาน

  • ☐ สถานที่ทำงานไม่มีระบบระบายอากาศที่ดีพอ

3. ปัจจัยด้านจิตใจและสังคม (Psychosocial)

  • ☐ ฉันรู้สึกเครียดหรือวิตกกังวลจากงานเกือบทุกวัน

  • ☐ ฉันมีปัญหาเรื่องการนอนหลับเพราะความเครียดจากงาน

  • ☐ งานของฉันมีความคาดหวังสูง แต่ขาดการสนับสนุนจากผู้บริหาร

4. ปัจจัยด้านสารเคมีและชีวภาพ (Chemical and Biological Hazards)

  • ☐ ฉันสัมผัสสารเคมี น้ำยาล้าง หรือฝุ่นขณะทำงาน

  • ☐ ฉันไม่ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันขณะปฏิบัติงานกับสารเคมี

  • ☐ ไม่มีการติดฉลากหรือคำเตือนเกี่ยวกับสารอันตรายในที่ทำงาน

ผลจากการทำแบบประเมิน

หลังจากให้คะแนนในแต่ละข้อแล้ว ให้นำคะแนนรวมของแต่ละหมวดมาวิเคราะห์เบื้องต้นได้ดังนี้:

  • คะแนนรวม < 20: ความเสี่ยงต่ำ

  • คะแนน 21–35: ควรปรับพฤติกรรม และแจ้งหัวหน้างาน

  • คะแนน > 36: ควรเข้ารับการประเมินโดยแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ หรือเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย

จัดการความเสี่ยง โรคจากการทำงาน

ข้อเสนอแนะสำหรับการจัดการความเสี่ยง

การประเมินตนเองเป็นเพียงจุดเริ่มต้น การจัดการความเสี่ยงควรดำเนินควบคู่ไปกับแนวทางปฏิบัติดังนี้:

  • ตรวจสุขภาพตามความเสี่ยง (Risk-based Health Check-up): กำหนดรายการตรวจสุขภาพเฉพาะบุคคลตามลักษณะงาน เช่น ตรวจสมรรถภาพปอดในผู้ที่ทำงานกับฝุ่น

  • อบรมให้ความรู้เรื่องโรคจากการทำงาน: ให้พนักงานรู้จักสัญญาณเตือนของโรคจากการทำงาน

  • จัดทำระบบการประเมินความเสี่ยงในระดับองค์กร: เพื่อให้มีฐานข้อมูลสำหรับพัฒนานโยบายด้านความปลอดภัย

  • ส่งเสริมสุขภาพจิตในสถานที่ทำงาน (Workplace Mental Health Promotion): เพื่อป้องกันปัญหาเครียดเรื้อรังและโรคทางอารมณ์

สรุป

การประเมินความเสี่ยงโรคจากการทำงานด้วยตนเอง เป็นแนวทางสำคัญในการสร้าง “วัฒนธรรมความปลอดภัย” (Safety Culture) ในสถานประกอบกิจการ โดยเฉพาะในบริบทที่ยังไม่มีระบบดูแลสุขภาพแรงงานแบบองค์รวม การส่งเสริมให้แรงงานมีความรู้ ความตระหนัก และสามารถประเมินความเสี่ยงด้วยตนเองได้ จะช่วยลดภาระทางสุขภาพ ลดการลาป่วย และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาวอย่างยั่งยืน


อ้างอิง

  1. กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน. (2566). คู่มือการป้องกันโรคจากการทำงาน.

  2. สมาคมอาชีวเวชศาสตร์และสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย. (2565). แนวทางเวชศาสตร์การทำงานฉบับปรับปรุง

  3. International Labour Organization. (2022). Work-related diseases.

  4. World Health Organization. (2023). Occupational health: Stress at the workplace.

  5. Bureau of Occupational and Environmental Diseases, Thailand. (2566). แนวทางการตรวจสุขภาพตามความเสี่ยงของโรคจากการทำงาน

You may also like

บริษัท เซฟตี้เมมเบอร์ จำกัด

ใบรับรองมาตรฐาน ISO

ข่าวสารใหม่

Copyright @2025 อบรมเซฟตี้ Developed website and SEO by iPLANDIT